BACKPACK ฉายเดี่ยว ตะลุยเที่ยว อุทยานแห่งชาติ เขาสามร้อยยอด

เขาสามร้อยยอด

อุทยานแห่งชาติ เขาสามร้อยยอด

การเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนเมษายน ปี 2553 ช่วงปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น ไม่มีอะไรทำ นอนดูทีวีอยู่หอ พอดีเปิดไปเจอรายการท่องเที่ยวของช่อง 5 รายการอะไรจำชื่อไม่ได้ล่ะ จำได้แค่ว่า เค้าพาเดินไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าบนยอดเขา เป็นพระอาทิตย์ดวงกลมๆสีส้มค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากทะเล!!! เห็นเท่านั้นล่ะ หัวใจเต้นแรง เลือดสูบฉีดขึ้นมาทันใด (รู้สึกเหมือนตอนต้องออกไปยืนพูดหน้าเสาธงเป็นครั้งแรก) ดูจนจบเลยรู้ว่าไม่ใช่ที่ไหนไกล เป็นจุดชมวิวเขาแดง อุทยานแห่งชาติ เขาสามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ นั้นเอง

 “A journey of a thousand miles must begin with a single step.” – Lao Tzu

ด้วยความว้าวุ่น ว่าง เปลี่ยว และเหงา!!! ก็เลยลองหาข้อมูลเพิ่มเติม แค่รู้ว่าอยู่ตรงไหน มีที่เที่ยวอะไร จะไปยังไงได้บ้าง ส่วนที่พักหน่ะหรอ ไม่ต้องจองล่วงหน้า Agoda ก็ยังไม่รู้จัก เพราะมีเต้นท์และถุงนอนส่วนตัวจะไปกลัวอะไร ไปตายเอาดาบหน้าละกัน จึงตัดสินใจเก็บกระเป๋าในคืนนั้น แล้วออกเดินทางทันทีในเช้าวันรุ่งขึ้น โดยเอาของไปเท่าที่จำเป็น และของสำคัญที่จะขาดไม่ได้เลยสำหรับการเดินทางเพียงลำพัง นั่นก็คือ “ความกล้า”

“สูดหายใจเข้าให้ลึกสุดปอด รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี แล้วออกเดินทางไปพร้อมกัน”

เขาสามร้อยยอด

สถานีรถไฟหัวหิน

07.00 น. ออกจากหอไปขึ้นรถตู้ กรุงเทพ-หัวหิน ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเดินทางถึงหัวหินประมาณ 10 โมง แวะกินข้าวฟรีที่บ้านลุง กินอิ่มก็ไปรับตั๋วรถไฟฟรีที่สถานีหัวหิน ขบวนที่ 255 หรือใครอยากนั่งรถไฟฟรีมาจากกรุงเทพก็ได้นะ สถานีต้นทาง ธนบุรี ออกเวลา 07.30 น. สิ้นสุดที่สถานีหลังสวน

สถานีรถไฟหัวหิน
สถานีรถไฟหัวหิน
สถานีรถไฟหัวหิน

แผนที่การเดินทาง

สถานีรถไฟหัวหิน

13.30 น. รถไฟ รถไฟมา มาช้าหน่อยแต่ก็มา ตามประสารถไฟไทย รีบกระโดดขึ้นไปหาที่นั่ง ขบวนนี้เบาะนุ่มสบายก้นมาก แนะนำเพิ่มเติมสำหรับคนที่เดินทางคนเดียว ควรมีกระเป๋าคาดหน้าอกแบบในรูปไว้สักใบ เอาไว้ใส่เงิน ใส่โทรศัพท์ ใส่กล้อง ฯลฯ หยิบใช้ง่าย สะดวกมากๆ

รถไฟ

นั่งมาสักพักก็ได้พบกับนวัตกรรมที่น่าทึงของแม่ค้าไทย นั่นคืออุปกรณ์สำหรับแขวนของมาขายบนรถไฟ มีทั้งอาหารสด อาหารแห่ง และเครื่องดื่ม เวลาจะขายก็แค่เอาตะขอไปแขวนไว้กับชั้นวางของด้านบน

รถไฟ

จากประสบการณ์การนั่งรถไฟไทย นวัตกรรมนี้พบเห็นได้เฉพาะสายใต้ (หรือใครพบเห็นที่อื่น มาแลกเปลี่ยนกันได้นะ)

รถไฟ

แผนที่การเดินทาง

รถไฟ

สถานีรถไฟสามร้อยยอด

14.00 น. ที่นี่สถานีสามร้อยยอด แดดร้อนมาก

สถานีรถไฟสามร้อยยอด
สถานีรถไฟสามร้อยยอด

หลังจากลงจากรถไฟ ก็เดินหาของกินรองท้อง และเตรียมเผื่อสำหรับมือเย็นที่ตลาดใกล้ๆสถานีรถไฟ เดินเลือกหาของกินอยู่สักพัก ก็มีเสียงทักเบาๆมาจากข้างหลังว่า “ไอ้หนู สะพายกระเป๋าพะรุงพะรังจะไปไหนเนี่ย”

หันไปดูก็เห็นเป็นคุณป้าร้านขายลูกชิ้นกับข้าวเหนียวมะม่วง ดูท่าทางใจดี ก็เลยบอกป้าว่าจะไปทุ่งสามร้อยยอด ป้าก็ถามว่าแล้วจะไปยังไงล่ะ ไม่มีรถเข้าไปมันไกลนะ จึงบอกป้าไปว่าจะเดินเข้าไป หรือไม่ก็หาโบกรถเข้าไป ป้าก็อมยิ้ม แล้วบอกว่าจะไปส่ง แต่เราก็เกรงใจเพราะเห็นป้ากำลังตั้งร้านยังไม่เสร็จ ก็เลยปฏิเสธป้าไป แล้วก็ได้ยืนคุยกันอยู่สักพักก่อนจะออกเดินทางต่อ ป้าใจดีให้ลูกชิ้นมา 4 ไม้ ข้าวเหนียวมะม่วงมา 1 ถุง

“ความมีน้ำใจของมนุษย์เกิดขึ้นได้ทุกที ทุกเวลา ไม่เลือกหน้าตาหรือสายสัมพันธ์”

สถานีรถไฟสามร้อยยอด

ทุ่งสามร้อยยอด

15.00 น. ออกเดินทางไปยังทุ่งสามร้อยยอด ซึ่งอยู่ห่างจากตลาดที่เราอยู่ประมาณ 8 กิโลเมตร ไม่มีรถประจำทาง ดังนั้น วิธีการที่เราเลือกใช้คือ “โบกรถ” ก็เลยเดินไปที่ปากทางเข้าเพื่อรอโบกรถ เดินไปสักระยะก็เจอกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 4-5 คน พร้อมมอเตอร์ไซด์กำลังจับกลุ่มคุยกัน กลุ่มวัยรุ่นเห็นเราเดินผ่านมาก็เลยตะโกนถามว่า “พี่จะไปไหนครับ”

ด้วยความกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีหรือโดนปล้น ก็เลยบอกไปว่า “จะไปบ้านญาติที่อยู่ข้างใน” กลุ่มวัยรุ่นก็เลยบอกว่า “ให้ผมไปส่งไหมพี่” เราก็รีบปฏิเสธทันใดว่า “อยู่ใกล้ๆ เดินไปเดี๋ยวก็ถึง” จากนั้นก็รีบเดินห่างออกมาอย่างรวดเร็ว เดินมาได้สักพัก ก็มีเสียงรถมอเตอร์ไซด์และเสียงพูดตามหลังว่า “มาๆ เดี๋ยวผมไปส่ง” เป็นเสียงของเด็กวัยรุ่นที่ขับมอเตอร์ไซด์มาคนเดียว ไอ้เราก็กลัวๆ กล้าๆ แต่เพื่อไม่ให้เป็นการขัดศรัทธา ก็เลยยอมนั่งไปด้วย และบอกว่าจะแวะไปที่ทุ่งสามร้อยยอดก่อน น้องเค้าก็มาส่งให้อย่างปลอดภัย

แอบรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่มองน้องเค้าในทางไม่ดีในตอนแรก แต่การเดินทางเพียงลำพัง บางครั้งถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ ก็ควรคิดในแง่ร้ายเอาไว้ก่อนเสมอ เพื่อที่เราจะได้คิดหาวิธีการป้องกัน แต่ก็อย่าแสดงออกให้เค้ารู้ถึงความคิดนั้น เพราะผลลัพท์สุดท้ายที่ออกมาอาจจะเป็นเรื่องดี

แผนที่การเดินทาง

ทุ่งสามร้อยยอด

15.15 น. ซ้อนรถมอเตอร์ไซด์มาลงที่หน้าทางเข้าทุ่งสามร้อยยอด บรรยากาศตรงหน้าคือทุ่งน้ำอันกว้างใหญ่ กลางแดดที่ไม่ร้อน

ทุ่งสามร้อยยอด อช. เขาสามร้อยยอด

เพราะมีสายลมแรงพัดมากระทบใบหน้าอยู่ตลอดเวลา

ทุ่งสามร้อยยอด อช. เขาสามร้อยยอด

ก่อนที่จะเข้าไปเดินเล่น ได้แวะเข้าไปที่สำนักงาน เพื่อดูว่ามีใครอยู่รึเปล่า ขากลับจะได้ขอเค้าติดรถออกมาข้างนอกด้วย เพราะตั้งใจว่าจะไปพักค้างคืนที่ที่ทำการอุทยาน ซึ่งอยู่ห่างจากตรงนี้ไปอีกประมาณ 34 กิโลเมตร และต้องอ้อมเขาที่เห็นในภาพไปอีกด้านหนึ่ง

ทุ่งสามร้อยยอด อช. เขาสามร้อยยอด

ได้เจอกับเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ 2 คน แล้วจะออกมาข้างนอกตอน 4 โมงครึ่งหลังเลิกงาน ทุกอย่างเลยเป็นไปตามแผน ไม่งั้นต้องได้นอนอยู่ที่นี่แน่ๆ

ทุ่งสามร้อยยอด อช. เขาสามร้อยยอด

หลังจากสบายใจเรื่องการเดินทางกลับออกไปด้านนอก ก็ถึงเวลาเดินเล่นอย่างเพลิดเพลินไปบนสะพานไม้ที่ทอดยาวสุดสายตา

ทุ่งสามร้อยยอด อช. เขาสามร้อยยอด

ผ่านทุ่งดอกบัวที่กำลังเก็บตัว เพื่อรอวันอวดโฉมความสวยงามในปีหน้า

ทุ่งสามร้อยยอด อช. เขาสามร้อยยอด

ผ่านทุ่งหญ้า(กก) ที่พลิ้วไหวเอนไปตามสายลมครั้งแล้วครั้งเล่า อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ทุ่งสามร้อยยอด อช. เขาสามร้อยยอด

ความรู้สึกเหมือนทุ่งหญ้ากำลังเต้นระบำ โดยมีสายลมเป็นเพลงบรรเลงอย่างสนุกสนาน

ทุ่งสามร้อยยอด อช. เขาสามร้อยยอด

ระหว่างทางจะมีศาลาให้หลบแดดอยู่เป็นระยะ ให้เราได้นั่งพักชมบรรยากาศแบบพาโรนามา

ทุ่งสามร้อยยอด อช. เขาสามร้อยยอด

มีพื้นหลังของทุ่งหญ้าเป็นท้องฟ้าและภูเขาที่สูงตระหง่าน ท่ามกลางสายแดดอ่อนๆ

ทุ่งสามร้อยยอด อช. เขาสามร้อยยอด

บรรยายกาศของที่นี่ ทำให้รู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก

ทุ่งสามร้อยยอด อช. เขาสามร้อยยอด

มีเวิ้งน้ำน้อยใหญ่ เป็นที่อาศัยของนกนานาชนิด เหมาะแก่การมาศึกษาเรื่องนกเป็นอย่างมาก

ทุ่งสามร้อยยอด อช. เขาสามร้อยยอด

มุมที่เราถ่ายออกมาอาจจะไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่ แต่ถ่ายยังไง ถ่ายเท่าไหร่ ก็ถ่ายไม่เบื่อ

ทุ่งสามร้อยยอด อช. เขาสามร้อยยอด

อยากให้ทุกคนได้ลองมาสัมผัสที่นี่ดูสักครั้ง แล้วจะรู้ว่าความสงบท่ามกลางธรรมชาติเป็นเช่นไร

ทุ่งสามร้อยยอด อช. เขาสามร้อยยอด

17.30 น. ลาจากทุ่งสามร้อยยอดที่แสนสงบ แล้วออกเดินทางต่อด้วยรถมอเตอร์ไซด์ของพี่เจ้าหน้าที่มาลงที่ปากทางริมถนนเพชรเกษม จากนั้นต่อรถทัวร์ขาลองใต้มาลงที่ปากทางเข้าที่ทำการอุทยาน ระยะทางประมาณ 20 กว่ากิโล

ดักรอโบกรถเข้าไปข้างในอีกประมาณ 14 กิโล โบกไปโบกมา ผ่านหน้าไปประมาณ 5 คัน ก็มีรถกระบะสีแดงจอดรับ เลยรีบวิ่งไปสวัสดี แล้วขอติดรถไปด้วยหนึ่งคน ซึ่งด้านหลังรถมีถังใส่กุ้งพร้อมออกซิเจน เราก็เลยได้นั่งหน้าข้างรถขับ

แต่ก็ไปไม่ถึงฝัน เพราะบ้านพี่เค้าถึงก่อนจุดหมายของเราประมาณครึ่งทางเห็นจะได้ เลยมายืนโบกต่อหน้าบ้านพี่เค้า ไม่ทันไรก็มีรถมอเตอร์ไซด์จอดรับ จึงรีบกระโดดขึ้นอย่างรวดเร็ว

แผนที่การเดินทาง

ทุ่งสามร้อยยอด อช. เขาสามร้อยยอด

หาดสามพระยา

นั่งมาใกล้จะถึงที่ทำการอุทยานเจอลิงเยอะมาก พี่คนขับเลยบอกว่าอย่านอนที่นี่เลย ลิงเยอะ เดี๋ยวลิงจะมารื้อของซะก่อน ก็เลยแนะนำให้เราไปนอนที่หาดสามพระยา ซึ่งอยู่เลยจากที่ทำการอุทยานไปอีกประมาณ 5 กิโลกว่าๆ ซึ่งเราก็เห็นด้วย เพราะลิงเยอะมากจริงๆ แล้วพี่เค้าก็ไปส่งเราจนถึงจุดหมาย

หลังจากมาถึงก็รีบเข้าไปคุยกับพี่เจ้าหน้าที่ที่เฝ้าอยู่บริเวณป้อมด้านหน้าหาด เพื่อเข้าไปสอบถามว่าถ้าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นบนเขาแดงตอนตีห้า จะไปยังไงได้บ้าง เพราะไม่มีรถประจำทาง พี่เค้าก็เลยอาสาจะช่วยไปส่งให้ตรงทางขึ้นเขา เจอกันตีห้าที่หน้าป้อม

จากนั้นก็รีบไปหาที่ซุกหัวนอน ซึ่งตอนนั้นมีฝรั่งมาพักอยู่แถวนั้น 1 คน แต่สุดท้ายฝรั่งก็ออกไป หาดเลยตกเป็นของเราแต่เพียงผู้เดียว

หาดสามพระยา อช. เขาสามร้อยยอด

จนได้จุดยุทธศาสตร์ในการกางเต้นท์เป็นศาลาริมชายหาด เดินลงจากศาลาเท้าก็เหยียบหาดทรายพอดี หรูยิ่งกว่าโรงแรมห้าดาวริมทะเลอีกนะ

หาดสามพระยา อช. เขาสามร้อยยอด

หลังจากเตรียมที่หลับที่นอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงออกไปเดินเล่นริมชายหาดก่อนที่ตะวันจะลับขอบฟ้า

หาดสามพระยา อช. เขาสามร้อยยอด

แสงยามเย็นตกมากระทบกับผืนโคลนปนทรายเป็นสีส้มอมทอง

หาดสามพระยา อช. เขาสามร้อยยอด

สำหรับเราแสงยามเย็นก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน เป็นแสงที่มีเสน่ห์ที่สุด

หาดสามพระยา อช. เขาสามร้อยยอด

เดินเล่นจนแสงใกล้จะหมด จึงรีบกลับมาอาบน้ำ ห้องอาบน้ำที่นี่สะอาดมากๆ อาบน้ำเสร็จก็กลับมาที่เต้นท์ เต้นท์ปลิวครับท่านผู้ชม ปลิวไปติดอยู่มุมเสาของศาลา เพราะเวลาฟ้ามืดลมทะเลจะแรงมากๆ เราจึงไปหาก้อนหินมาทับมุมเต้นท์ไว้ทั้งสี่ด้านถึงเอาอยู่

หาดสามพระยา อช. เขาสามร้อยยอด

คืนนั้นนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ ผีก็กลัว คนก็กลัว ลมก็แรงเหมือนมีอะไรผ่านไปมาตลอดเวลา แต่สุดท้ายด้วยความเหนื่อยล้าในการเดินทางมาตลอดทั้งวัน จึงเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีตอนตีสี่ครึ่งเพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่วางเอาไว้ข้างหู

แผนที่การเดินทาง

หาดสามพระยา อช. เขาสามร้อยยอด

จุดชมวิวเขาแดง อช. เขาสามร้อยยอด

05.00 น. เสียงปุกของนาฬิกาบ่งบอกว่าได้เวลาออกไปตามหาพระอาทิตย์ที่ปลายขอบฟ้า ไม่ใช่สิ!!! ต้องบอกว่าขอบทะเลถึงจะถูก จึงไม่รอช้ารีบเก็บของ เก็บเต้นท์ น้ำไม่อาบ หน้าไม่ล้าง ฟันไม่แปลง แล้วรีบวิ่งไปหาพี่เจ้าหน้าที่ที่ป้อมตามที่นัดหมาย เพราะกลัวว่าจะไปไม่ทันเห็นพระอาทิตย์ขึ้น

นั่งซ้อนรถมอเตอร์ไซด์ผ่านความมืด โดยมีเพียงแสงไฟจากรถเป็นเครื่องนำทางมาลงที่ปากทางขึ้นจุดชมวิวเขาแดง ซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 300 เมตร

หลังจากแสงไฟจากรถค่อยๆ หายลับไป แสงของไฟฉายดวงน้อยๆก็สว่างขึ้นมาแทน ทำให้เส้นทางข้างหน้าที่จะต้องก้าวต่อไป มีขนาดเพียงแค่ลำแสงของไฟฉายที่สามารถฉายไปถึงเท่านั้น จึงรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีแล้วออกเดินไปตามเส้นทางลูกรัง

ฉายไฟไปเจอศาลหลังเล็กๆ บริเวณใกล้ๆตีนเขา ขนทุกเส้นที่มีบนร่างกาย ลุกขึ้นยืนพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ใจหวิวๆ ยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก ความกล้าที่มีในตอนแรกหายไปจนหมด เรายืนหยุดนิ่งพร้อมกับในใจก็ครุ่นคิดว่าจะเอายังไงดีจะหันหลังกลับดีไหม แต่พอเริ่มมีสติก็คิดได้ว่าจริงๆ แล้วความกลัวนั้นเกิดมาจากภายในจิตใจของเรา เป็นสิ่งที่เราสร้างมันขึ้นมาเองทั้งนั้น

สิ่งที่เราเห็นภายนอก ไม่ได้มาทำอะไรเราเลย มีแค่เราเท่านั้นที่คิดไปเอง ดังนั้นเราก็ควรที่จะหยุดความกลัวนั้นจากข้างใน ไม่ใช่ให้ความกลัวมาหยุดสิ่งที่เราตั้งใจ จึงเริ่มเดินต่อไปจนถึงบริเวณตีนเขา พร้อมกับมองหาเส้นทางเดินขึ้นไป แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ เพราะเป็นภูเขาหินปูนที่ไม่มีร่องรอยของทางเดินให้เห็น

หาอยู่สักพักก็ยังหาไม่เจอ เลยตัดสินใจเดินกลับไปยังที่ทำการอุทยานเพื่อสอบถามเส้นทาง พอมาถึงก็พยายามมองหาเจ้าหน้าที่จนไปเจออยู่คนหนึ่งกำลังนอนอยู่ในเปล ” พี่ครับๆ พี่ครับๆ” พี่เค้าตกใจตื่นเพราะเสียงและแสงไฟของเรา จึงรบกวนให้พี่เค้าช่วยแนะนำและชี้เส้นทางการเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวเขาแดง

พี่เค้าก็พาเราเดินกลับไปชี้จุดเริ่มต้นของทางเดินขึ้นเขา โดยตามเส้นทางจะมีป้ายไม้บอกทางเป็นลูกศรสีเหลืองพื้นหลังสีน้ำตาล ซึ่งเล็กมากๆ ฝังติดอยู่ตามก้อนหิน ซึ่งตอนแรกเราหาไม่เจอ หลังจากนั้นพี่เค้าก็กลับไปนอนต่อ และก็ถึงเวลาที่เราจะต้องไปต่อด้วยตัวเอง โดยระหว่างทางต้องพยายามคอยมองหาป้าย และหลบคมหนามของต้นกระบอกเพชรที่มีอยู่มากมายรายทาง

สุดท้ายอุปสรรคก็ช่วยเป็นแรงผลักดันให้เราไปจนถึงจุดหมายได้ทันก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น

จุดชมวิวเขาแดง อช. เขาสามร้อยยอด

รางวัลที่ได้รับคือวิวแบบพาโรนามา พร้อมกับสายลมเย็นๆที่สูดเข้าไปแล้วทำให้หายเหนื่อยได้อย่างน่าประหลาดใจ

จุดชมวิวเขาแดง อช. เขาสามร้อยยอด

ด้านหลังเป็นแนวภูเขาหินปูนสลับซับซ้อน ซึ่งอาจจะเป็นที่มาของคำว่า “เขาสามร้อยยอด” ก็เป็นได้

จุดชมวิวเขาแดง อช. เขาสามร้อยยอด

ด้านซ้ายและขวาเป็นบ่อเลี้ยงกุ้ง ส่วนด้านหน้าเป็นพระอาทิตย์และท้องทะเล

จุดชมวิวเขาแดง อช. เขาสามร้อยยอด

และในที่สุดพระอาทิตย์ดวงกลมๆ สีส้มก็ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากทะเลให้เราได้พิชิตด้วยสายตาของตนเองจนสำเร็จ

จุดชมวิวเขาแดง อช. เขาสามร้อยยอด

ความประทับใจและความภูมิใจในครั้งนี้นั้นยากที่จะอธิบาย

จุดชมวิวเขาแดง อช. เขาสามร้อยยอด

ต้องลองมาสัมผัสด้วยตัวเองเท่านั้นถึงจะเข้าใจ

จุดชมวิวเขาแดง อช. เขาสามร้อยยอด

ขอบคุณทุกความสวยงามที่ธรรมชาติมอบให้

จุดชมวิวเขาแดง อช. เขาสามร้อยยอด

ขอบคุณทุกกำลังใจจากมิตรภาพระหว่างทาง

จุดชมวิวเขาแดง อช. เขาสามร้อยยอด

ขอบคุณสองเท้าและหนึ่งใจอันกล้าหาญที่ช่วยนำพามาจนถึงจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจ

จุดชมวิวเขาแดง อช. เขาสามร้อยยอด

08.00 น. หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศบนจุดชมวิวจนแสงแดดอุ่นๆเริ่มเปลี่ยนเป็นความร้อน ก็ได้เวลาออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป นั้นก็คือ “ถ้ำพระยานคร” และ “ถ้ำแก้ว”

โดยปกติการเดินขึ้นภูเขามักจะเหนื่อยมากกว่าการลงจากภูเขา เพราะแรงโน้มถ่วงของโลก แต่สำหรับเราการเดินขึ้นภูเขาเหนื่อยน้อยกว่าการเดินลงจากภูเขา เพราะแรงโน้มถ่วงของโลกถูกกำจัดหมดไปด้วยความตั้งใจที่แนวแน่และมุ่งมั่นเพื่อไปให้ถึงยังจุดหมาย

ระหว่างทางที่กลับลงมาจากภูเขา ได้เจอกับค่างแว่นถิ่นใต้ที่ออกมาหากินในตอนเช้า ห้อยโหนอยู่ตามยอดไม้อยู่เป็นระยะ บ้างก็อยู่โดดเดียว บ้างก็อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม หน้าตาน่ารักและช่างสงสัย

จุดชมวิวเขาแดง อช. เขาสามร้อยยอด

ลักษณะของป้ายบอกทางเดินขึ้นไปยังจุดชมวิว ซึ่งหากเป็นตอนกลางคืนจะยากต่อการมองเห็นสักหน่อย

จุดชมวิวเขาแดง อช. เขาสามร้อยยอด

ระยะทางอาจจะดูไม่ไกล ถ้าหากไม่มั่นใจโปรดติดต่อเจ้าหน้าที่จะดีกว่านะ

จุดชมวิวเขาแดง อช. เขาสามร้อยยอด

ภูเขาหินปูนจะไม่มีร่องรอยของทางเดินให้เห็น และเป็นหินที่มีความแหลมคม จึงควรใส่รองเท้าผ้าใบเดินขึ้นไปจะดีที่สุด

จุดชมวิวเขาแดง อช. เขาสามร้อยยอด

จุดชมวิวเขาแดงอยู่บนยอดของภูเขา ซึ่งอยู่ด้านหลังของภูเขาลูกที่เห็นอยู่นี้

จุดชมวิวเขาแดง อช. เขาสามร้อยยอด

หลังจากลงมาถึงพื้นราบแล้ว ได้แวะเข้าไปหาข้าวเช้ากินเพื่อเติมพลังภายในที่ทำการอุทยานซึ่งอยู่ไม่ไกล

จุดชมวิวเขาแดง อช. เขาสามร้อยยอด

09.00 น. นั่งกินข้าวเช้าในที่ทำการอุทยาน พร้อมชมโชว์กายกรรมห้อยโหนไปมาของลิงแสมอย่างเพลิดเพลิน ก็ได้เวลาออกเดินทางต่อไปยังถ้ำพระยานคร ซึ่งอยู่ห่างจากออกไปอีกประมาณ 18 กิโลเมตร วิธีการเดินทางที่เราเลือกใช้ก็ยังคงเป็นวิธีการเดิม นั่นก็คือ “การโบกรถ” โดยไปยืนดักรอโบกรถอยู่ข้างหน้าที่ทำการอุทยาน ซึ่งเวลานั้นไม่ค่อยมีรถผ่านไปมาซักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็ได้ไปกับรถของการไฟฟ้า ไม่รอช้ากระโดดขึ้นข้างหลังไปนั่งรวมอยู่กับเครื่องมือของเจ้าหน้าที่

จุดชมวิวเขาแดง อช. เขาสามร้อยยอด

แผนที่การเดินทาง

จุดชมวิวเขาแดง อช. เขาสามร้อยยอด

ถ้ำพระยานคร

นั่งมาลงบริเวณสามแยกทางไปถ้ำพระยานคร เพราะพี่เค้าต้องตรงไป ส่วนเราต้องเลี้ยวไปทางขวา

ถ้ำพระยานคร

จากจุดที่ลงรถต้องเข้าไปอีกประมาณ 5 กิโล จึงจะถึงจุดเริ่มต้นของทางเดินไปยังถ้ำพระยานคร เราเดินเข้าไปได้สักระยะ ผ่านรถสิบล้อที่อยู่ไกลๆ ในรูป เจอชาวบ้านกำลังนั่งคัดแยกกุ้งกันอยู่ เห็นเราเดินตากแดดมาคนเดียว ก็เลยแซวและถามว่าจะไปไหน พร้อมกับชวนให้ไปกินน้ำเย็นๆ ในกระติก

ถ้ำพระยานคร

เดินต่อไปกลางแดดจ้า บนถนนราดยางที่เริ่มจะร้อนระอุ ก็มีรถฟอร์จูนเนอร์สีดำขับมาจอดอยู่ข้างๆ แล้วเปิดกระจกออกมาถามว่าจะเดินไปไหน พอดีไปทางเดียวกันก็เลยชวนเราติดรถไปด้วย

ถ้ำพระยานคร

พี่ๆ บอกว่าเดินทางมาจากกรุงเทพ มากันสามคน เห็นเราแบกกระเป๋าเดินตากแดดคนเดียวแล้วรู้สึกสงสารเลยตัดสินใจแวะรับมาด้วย

ถ้ำพระยานคร

หลังจากมาถึงจุดเริ่มต้นทางเดินไปถ้ำพระยานคร ก็ได้แยกกับพี่ๆทั้งสามคน เพราะการเดินทางไปยังถ้ำนั้น สามารถทำได้สองวิธี คือ นั่งเรืออ้อมภูเขาไปลงหน้าชายหาดทางเข้าถ้ำ กับเดินข้ามภูเขาไปอีกประมาณ 1 กิโลไปยังปากทางเข้าถ้ำ ซึ่งวิธีนี้ไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะใช้แค่แรงกายและใจเท่านั้น

ถ้ำพระยานคร

เราเลือกที่จะเดินข้ามภูเขาไปตามทางเดินที่เป็นบันไดหินซึ่งไม่ราบเรียบเพียงลำพัง

ถ้ำพระยานคร

ส่วนพี่ๆ นั่งเรืออ้อมเขาไปลงที่หน้าหาดซึ่งเร็วกว่ามาก หลังจากนั้นพวกเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย

ถ้ำพระยานคร

ระหว่างทางสามารถแวะชมวิวภูเขาและทะเลสีฟ้าใสได้ตลอดทาง ช่วยทำให้ความเหนื่อยลดลงไปได้เยอะ

ถ้ำพระยานคร

เดินขึ้นเขามาได้ประมาณครึ่งทางกว่าๆ ก็จะสามารถมองเห็นชายหาดขาวสะอาดที่เรือมาจอดส่งนักท่องเที่ยว

ถ้ำพระยานคร

ชีวิตคนเราก็เหมือนกับการเดินทางข้ามภูเขา มีขึ้นก็ต้องมีลงเป็นเรื่องธรรมดา แถมยังช่วยให้เราเข้มแข็งมากขึ้น

ถ้ำพระยานคร

แผนที่การเดินทาง

ถ้ำพระยานคร

11.00 น. ลงจากเขามาล้างหน้าล้างตา นั่งพักสักครู่ และฝากกระเป๋าไว้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จากนั้นก็ออกเดินทางต่อเพื่อเข้าไปข้างในถ้ำอีกประมาณ 500 เมตร ผ่านบ่อพระยานคร ซึ่งตามประวัติเล่าว่าในสมัยรัชกาลที่ 1 เจ้าพระยานคร ผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราชได้แล่นเรือผ่านทางเขาสามร้อยยอด และเกิดพายุใหญ่ไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ จึงจอดพักเรือหลบพายุที่ชายหาดแห่งนี้เป็นเวลาหลายวัน และได้สร้างบ่อน้ำเพื่อใช้ดื่ม เรียกว่า “บ่อพระยานคร”

ถ้ำพระยานคร

เส้นทางเดินเป็นบันไดโขดหินตะปุ่มตะป่ำค่อนข้างเดินลำบากสักเล็กน้อย

ถ้ำพระยานคร

หลังจากเดินขึ้นมาได้สักพักก็ถึงปากทางเข้าถ้ำ และจะรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของอากาศที่เริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ

ถ้ำพระยานคร

ภายในถ้ำจะมีลักษณะเป็นโถงขนาดใหญ่ มีปล่องอากาศขนาดเล็กและใหญ่ที่มีแสงแดดส่องลงมาถึงด้านล่างอยู่หลายจุด

ถ้ำพระยานคร

ต้นไม้ส่วนใหญ่ภายในถ้ำจะมีลำต้นสูง เพื่อชูกิ่งก้านใบไปสังเคราะห์แสงให้ได้มากที่สุด

ถ้ำพระยานคร

พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์

ลำแสงตอนใกล้เที่ยงค่อยๆเคลื่อนผ่านช่องเพดานมาจนถึงพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บริเวณตรงกลางด้านในของถ้ำ สวยงามมากๆ

พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์

“พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์” เป็นพลับพลา แบบจตุรมุข สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 คราวเสด็จประพาสเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2433 เป็นฝีพระหัตถ์ของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าขจรจรัสวงศ์ ทรงสร้างขึ้นในกรุงเทพฯ แล้วส่งมาประกอบทีหลังโดยให้พระยาชลยุทธโยธินเป็นนายงานก่อสร้าง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จมายกช่อฟ้าด้วยพระองค์เอง

พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์

บริเวณกำแพงหินด้านขวาของพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์จะมีพระปรมาภิไธยย่อในรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 7 เป็นตัวหนังสือใหญ่สีขาวสะดุดตา หลังจากเดินสำรวจภายในถ้ำจนครบถ้วนและหายเหนื่อยแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางต่อไปยังจุดหมายสุดท้าย นั้นก็คือ “ถ้ำแก้ว”

พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์

ถ้ำแก้ว อช. เขาสามร้อยยอด

เมื่อออกมาจากถ้ำพระยานครก็กลับไปเอาของที่ฝากไว้แล้วเดินกลับด้วยวิธีการเดิม และแวะกินข้าวเที่ยงบริเวณตีนเขา ล้างหน้าล้างตา นั่งพักสักครู่แล้วเดินทางต่อด้วยรถมอเตอร์ไซด์ของชาวบ้านมาลงที่ปากทางไปถ้ำแก้ว ซึ่งอยู่ระหว่างทางก่อนที่จะถึงถ้ำพระยานครในตอนแรก

ถ้ำแก้ว อช. เขาสามร้อยยอด

เดินต่อไปตามทางลูกรังสีแดงอีกประมาณ 1 กิโล ก็จะถึงปากทางเข้าถ้ำ ซึ่งจะมีชาวบ้านมาคอยให้บริการเช่าไฟฉาย

ถ้ำแก้ว อช. เขาสามร้อยยอด

เพราะข้างในไม่มีแสงสว่าง ต้องเตรียมไฟฉายเข้าไปด้วยทุกครั้ง แต่เราเตรียมไฟฉายมาเอง เลยไม่ต้องเสียตังค์เช่า

ถ้ำแก้ว อช. เขาสามร้อยยอด

ข้างในมีระยะทางประมาณ 128 เมตร ซึ่งตอนที่เราไปไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นเลยสักคน เหงาเลยเรา

ถ้ำแก้ว อช. เขาสามร้อยยอด

ข้างในถ้ำมืดมากๆ มีหินงอกหินย้อยเล็กใหญ่สลับกันไปตลอดทาง

ถ้ำแก้ว อช. เขาสามร้อยยอด

บางจุดต้องก้ม ต้องมุดผ่านหินงอกขนาดใหญ่ บางจุดต้องเดินผ่านช่องหินเล็กๆ บางจุดต้องเดินขึ้นสะพาน ลงสะพาน ซึ่งด้านล่างเป็นเหวลึกๆมึดๆ ที่ส่องไฟไปได้ไม่สุด

ถ้ำแก้ว อช. เขาสามร้อยยอด

เดินสำรวจไปได้ครึ่งทาง ไฟฉายคู่ใจที่พกมาด้วยแสงเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ ฉายไปแทบจะไม่เห็นทางข้างหน้า เราพยายามเคาะขั้วถ่าน หมุนให้เน้นอยู่สักพักก็ไม่สำเร็จ ติดๆดับๆ สุดท้ายก็ดับสนิทนิ่งไปในทันใด เรายืนซ่อมไฟฉายท่ามกลางความมืดมิด ที่ไม่สามารถเดินขยับไปไหนได้เลย เพราะรอบตัวมีแต่หินงอกหินย้อย ยืนอยู่ที่เดิมประมาณ 15 นาที ซึ่งเป็น 15 นาทีที่รู้สึกนานมากๆ กลัวว่าจะต้องติดอยู่ในถ้ำ เพราะไม่ค่อยมีคนเข้ามาเที่ยว

แต่สุดท้ายก็มีแสงสว่างแห่งความหวังส่องเข้ามา ตอนนั้นรู้สึกโล่งใจมากๆอย่างบอกไม่ถูก เป็นแสงไฟฉายของนักท่องเที่ยวสองคนสามีภรรยา ที่ฉายมาเจอเรายืนอยู่ท่ามกลางความมืดคนเดียว เค้าก็ตกใจเล็กน้อยว่าทำไมมายืนอยู่คนเดียวมืดๆ เราก็เลยเล่าให้เค้าฟังแล้วขอเดินตามเค้าออกไปด้วย

ถ้ำแก้ว อช. เขาสามร้อยยอด

เดินตามพี่เค้ามาเรื่อยๆก็มาเจอกับจุดที่ได้นำไปตั้งเป็นชื่อของถ้ำนี้ ซึ่งเมื่อเราฉายไฟไปที่ผนังถ้ำ ก็จะมีแสงระยิบระยับสะท้อนกลับมาเป็นเหมือนเศษแก้วเล็กๆประดับอยู่อย่างสวยงาม ความรู้สึกเหมือนได้ยืนดูดาวอยู่ท่ามกลางความมืดมิดภายในถ้ำยังไงยังงั้น

ถ้ำแก้ว อช. เขาสามร้อยยอด

สุดท้ายเราก็ออกมาจากถ้ำจนได้ ต้องขอขอบคุณพี่ๆทั้งสองเป็นอย่างมาก ขอบคุณโชคชะตาที่นำพาให้ได้มาเจอกัน

ถ้ำแก้ว อช. เขาสามร้อยยอด

เกือบปิดท้ายทริปนี้ด้วยการนอนในถ้ำแก้วซะแล้วเชียว

ถ้ำแก้ว อช. เขาสามร้อยยอด

จริงๆมีอีกที่ที่อยากไปคือ “ถ้ำไทร” ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมาก แต่ตอนนั้นใกล้จะเย็นแล้วน่าจะไปไม่ทัน จึงตัดออกไปแล้วเดินทางกลับ เดินออกจากถ้ำไปสามแยกที่มาลงในตอนแรกอีกประมาณกิโลกว่าๆ เพื่อมายืนรอโบกรถกลับออกไปที่ถนนเพชรเกษม และได้ไปกับรถกระบะขนโต๊ะจีนเพื่อไปจัดงานแต่ง โดยยืนเกาะหลังคารถเอาหน้าโต้ลมสนุกมากๆ

ถ้ำแก้ว อช. เขาสามร้อยยอด

แต่ก็ไปไม่ถึงที่หมาย เพราะบ้านงานอยู่ถึงก่อน เลยโบกรถต่ออีกรอบ และไปได้กับรถกระบะของตายายใจดีไปลงถึงปากทางเข้าอุทยานริมถนนเพชรเกษม แล้วต่อรถทัวร์ไปยังอ.เมืองประจวบฯ ก็เป็นอันจบทริปอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอดเพียงเท่านี้

เขาสามร้อยยอด

แผนที่การเดินทาง

เขาสามร้อยยอด

แผนที่สรุปการเดินทางภายใน อช. เขาสามร้อยยอด

  1. สถานีรถไฟสามร้อยยอด
  2. ทุ่งสามร้อยยอด (ศูนย์ศึกษาธรรมชาติ บึงบัว)
  3. ที่ทำการ อช.เขาสามร้อยยอด (Khao Sam Roi Yot National park)
  4. หาดสามพระยา (Sam Phraya Beach)
  5. จุดชมวิวเขาแดง (Khao Daeng View Point
  6. ถ้ำพระยานคร (Phraya Nakhon Cave)
  7. ถ้ำแก้ว (Kaeo Cave)
เขาสามร้อยยอด

การเดินทางครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราออกเดินทางเพียงลำพัง การตัดสินใจออกเดินทางคนเดียวครั้งแรกนั้นมันยากมาก เพราะเราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเส้นทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร จึงคิดและจินตนาการไปก่อนว่ามันน่าจะเหงา ลำบาก และอันตราย สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเสมือนกำแพงที่เราสร้างมันขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเราให้ยังคงอยู่ในพื้นที่ที่เราคิดว่าปลอดภัย ทำให้เราไม่ได้ออกไปผจญภัยในโลกกว้างนอกกำแพงนั้นเสียที

แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่จะสามารถทลายกำแพงนั้นก็ได้คือ “ความกล้า” กล้าที่จะตัดสินใจ กล้าที่จะออกไปเรียนรู้ กล้าที่จะยอมรับความเปลี่ยนแปลงของทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น ถ้าเราสามารถทำและยอมรับสิ่งเหล่านั้นได้มันจะคุ้มค่ามากๆ เพราะสิ่งรอเราอยู่หลังกำแพงนั้นคือประสบการณ์อันล้ำค่าที่ไม่สามารถหาซื้อได้จากที่ไหน ได้มิตรภาพ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆรอบตัว ได้รู้จักและเข้าใจตัวเราเองเพิ่มมากขึ้น และเมื่อเราสามารถก้าวผ่านครั้งแรกไปได้แล้ว เชื่อว่าจะต้องมีครั้งต่อๆไปอย่างแน่นอน

A journey of a thousand miles must begin with a single step.” – Lao Tzu

การเดินทางนับพันไมล์ต้องเริ่มต้นที่ก้าวแรกเสมอ

เขาสามร้อยยอด

สรุปการผจญภัย 2 วัน 1 คืน

  1. เดินทางด้วยรถตู้จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปหัวหิน
  2. ต่อรถไฟฟรีไปลงสถานีสามร้อยยอด
  3. นั่งรถมอเตอร์ไซด์ไปเดินเล่นทุ่งสามร้อยยอด
  4. กางเต็นท์นอนค้างคืนริมชายหาดสามพระยา
  5. เดินขึ้นเขาตอนตีห้า พระอาทิตย์มาตอนหกโมง
  6. เดินข้ามเขา มุดเข้าถ้ำพระยานคร
  7. ยืนดูดาวตอนกลางวันในถ้ำแก้ว

อุปกรณ์

  1. กระเป๋า 1 ใบ ข้างในมีเสื้อ กางเกง ผ้าเช็ดตัว รองเท้าผ้าใบ อุปกรณ์อาบน้ำ ฯลฯ
  2. กระเป๋าคาดหน้าอก 1 ใบ เอาไว้ใส่เงิน โทรศัพท์ กล้อง ฯลฯ
  3. ไฟฉาย ยาสามัญประจำบ้าน ขวดน้ำดื่ม
  4. เต้นท์ ขนาด 2 คนนอน 1 หลัง และถุงนอน 1 ใบ
  5. กล้องคอมแพค 1 ตัว

สรุปค่าใช้จ่าย

สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ใช้งบไปประมาณ 500 บาท แบ่งเป็นค่าเดินทาง 50% ค่าอาหาร 40% อื่นๆ 10%

ข้อมูลการท่องเที่ยว

อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด

LIFE IS A JOURNEY | เพราะชีวิต คือ การเดินทาง…

x Close

LIFE IS A JOURNEY