เที่ยวเขาค้อ | พาแฟนไปเที่ยว เขาค้อ ไม่ต้องรอฤดูกาล

เที่ยวเขาค้อ | พาแฟนไปเที่ยว เขาค้อ ไม่ต้องรอฤดูกาล

เขาค้อ หนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว หากเป็นช่วงฤดูฝนก็จะได้สัมผัสกับสายหมอกและป่าเขาอันเขียวขจี พร้อมกับได้นอนฟังเสียงของสายฝน หากเป็นช่วงฤดูหนาวก็จะได้สัมผัสกับสายหมอกและลมหนาว พร้อมกับได้นอนดูดาวบนทางช้างเผือก ถ้าถามว่าเราอยากไปเที่ยวเขาค้อฤดูไหนมากที่สุด? เราอยากไปเที่ยวทุกฤดูที่มีเธอ

“พาแฟนไปเที่ยวเขาค้อได้ทุกฤดู ไม่ต้องรอฤดูกาล

ขอแค่มีเธอไปด้วยกันเท่านั้นพอ”

DAY 1

พวกเราเริ่มต้นออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองไปยังสนามบินพิษณุโลกด้วยสายการบิน Thai Lion Air เที่ยวบินที่ SL-550 เวลา 08.45 น.

ถึงสนามบินพิษณุโลกเวลา 09.45 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง

เขาค้อ เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดเพชรบูรณ์ อยู่ห่างจากสนามบินพิษณุโลกประมาณ 112 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 35 นาที วิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดคือ การเช่ารถยนต์ โดยครั้งนี้พวกเราเลือกใช้บริการของ AVIS Rent A Car

โทรจองเอาไว้ล่วงหน้าก่อนเดินทางผ่าน Call Center และมาชำระเงินภายหลังตอนรับรถ ทริปนี้พวกเราเลือกรถ Group D เป็นรถรุ่น Toyota Altis เครื่องยนต์ 1.8 เพราะเส้นทางที่จะไปส่วนใหญ่เป็นทางขึ้นลงเขาลาดชัน ได้รุ่นนี้มาขับลื่นตลอดทริปเลย

ตรวจสอบความพร้อมของรถอย่างคร่าวๆอีกครั้งก่อนออกเดินทาง สภาพภายในและภายนอกสะอาดพร้อมใช้ ระดับลมยางเหมาะสม และน้ำมันเต็มถัง พร้อมออกเดินทาง

ขับยาวจากพิษณุโลกมายังเขาค้อ มาแวะทานข้าวกลางวันที่ร้าน Pino Latte คาเฟ่และร้านอาหารที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูง ใกล้กับวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว

พนักงานต้อนรับ

อาหารจานหลักเป็นแบบเซตมีให้เลือกหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นเมนูข้าว สลัด สเต๊ก เบอร์เกอร์ หรือพาสต้า

พวกเราเลือกข้าวซี่โครงหมูตุ๋น และข้าวเบค่อนผัดพริกเกลือ มีไข่ดาวจานละฟอง

ปริมาณและรสชาติ บวกกับบรรยากาศถือว่าสมราคา ราคาอาหารอยู่ที่ช่วงประมาณ 175 – 300 บาทต่อจาน

มีเครื่องดื่มร้อนและเย็นให้เลือกหลายเมนู

มีมาการองและเค้กให้เลือกหลายรสชาติ แต่ที่เห็นลูกค้านิยมสั่งกันก็คือ Rainbow Cake เค้กหลากสีสันประดับด้านบนด้วยสายรุ้ง 7 สี

วิวด้านหน้าของร้านคือทิวเขาที่ปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวขจี ดูแล้วสบายตา

มีสวนดอกไม้เล็กๆอยู่ด้านหน้าให้ได้ถ่ายรูปเล่น

มีบาร์แบบห้อยขาให้นั่งชมวิวทิวเขา

และบาร์แบบยกสูง มุมถ่ายรูปยอดฮิต

จากนั้นก็เดินทางมาเช็คอินเข้าที่พัก ทริปนี้พวกเราพักกันที่ เดอะบลูสกาย รีสอร์ท เขาค้อ The BlueSky Resort Khaokho ตลอดระยะเวลา 3 วัน 2 คืน

บรรยากาศบริเวณล๊อบบี้เช็คอินตกแต่งสวยงาม มีโซฟานุ่มๆสุดหรูเป็นที่นั่งรับรอง

Welcome Drink เสิร์ฟด้วยน้ำแบล็คเคอร์แรนท์ เป็นผลไม้หนึ่งในตระกูลเบอร์รี รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ดื่มแล้วสดชื่น

หลังจากเช็คอินเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่พานั่งรถกอล์ฟขับเข้าไปส่งยังห้องพัก

อาคารห้องพักตั้งอยู่บนไหล่เขา เรียงกันเป็นแนวยาว หันหน้ามายังวิวสวนเหมือนกันหมดทุกห้อง

ห้องพักของพวกเราอยู่อาคารหลังแรกด้านในสุดติดกับห้องอาหารเช้าและเย็น เป็นห้องแบบ Deluxe King เตียงเดี่ยว ภายในตกแต่งสไตล์วินเทจ ใช้โทนสีพาสเทลผสมกับแสงไฟสีส้ม ให้ความรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย

เตียงนอน หมอน และผ้าห่มนุ่มมาก หลับสบายตลอดคืน

สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องได้แก่ แอร์ ทีวี ตู้เย็น กาต้มน้ำ ไฟฉาย โทรศัพท์ และอินเตอร์เน็ต

มินิบาร์ฟรี ได้แก่ ชา กาแฟ และน้ำเปล่า 2 ขวด

ห้องน้ำกว้างมาก แยกโซนแห้งและเปียกอย่างชัดเจนด้วยผ้าม่าน โถส้วมมีสายฉีดชำระ

อ่างล้างหน้ามีกระจกบานใหญ่ ก็อกน้ำปรับอุณหภูมิของน้ำได้

มีผักบัวให้เลือกสองแบบ คือ แบบธรรมดากับแบบ Rain Shower

ตู้เสื้อผ้าตั้งอยู่ระหว่างห้องน้ำและห้องนอน สามารถเปิดทะลุถึงกันได้ ด้านในมีผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดมือ ไดท์เป่าผม ตู้เซฟ และรองเท้าแตะ

มีระเบียงให้ออกไปนั่งเล่นรับลมชมวิวของสวนดอกไม้สไลต์อังกฤษ โดยมีพื้นหลังเป็นภูเขาสูงตัดกับท้องฟ้าสีคราม ให้ความรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย และสบายตา

มีโต๊ะและเก้าอี้ตั้งอยู่ริมระเบียง สามารถนำเอาเบาะผ้าและหมอนที่เก็บอยู่ในตู้ข้างโต๊ะทำงานมาวางเพิ่มได้

ช่วงเย็นพวกเราออกไปหาอะไรง่ายๆกิน แถวเซเว่นริมถนนใหญ่ ไปเจอร้านพันปีบะหมี่เป็ดย่างที่ดูน่าสนใจ

บะหมี่เป็ดย่างดีงามมาก น้ำซุปรสชาติเข้มข้น เป็ดย่างชิ้นใหญ่ เส้นบะหมี่นุ่มมาก

อีกเมนูที่ลองคือ เย็นตาโฟทรงเครื่อง ดีงามเช่นกัน

ก่อนกลับแวะเซเว่นซื้อขนมมากินกับชาร้อนริมระเบียงรับอากาศเย็นๆ ฟินมากๆ

DAY 2

ช่วงเช้ามีเมฆฝนลอยตัวต่ำเหนือยอดเขา อากาศเย็นสบายและบริสุทธิ์มากๆ สูดแล้วโล่งจมูก ภูมิแพ้หายไปชั่วคราว

เริ่มต้นมื้อแรกที่ห้องอาหารของโรงแรม เป็นบุฟเฟ่ต์อาหารไทยและฝรั่ง ตักมานั่งทานพร้อมกับชมวิวของสวน เจริญอาหารมากๆ

ช่วงเที่ยงพวกเราออกมานั่งชิลจิบกาแฟชมวิวและกินข้าวกันที่ร้าน The Piney Bistro Cafe คาเฟ่ริมเขา ตั้งอยู่ด้านหลังของวัดพระธาตุผาช่อแก้ว

มีที่นั่งให้เลือกทั้งแบบ Indoor และ Outdoor

มีอาหารและเครื่องดื่มให้บริการ ราคาไม่แพงมาก คุ้มค่ากับบรรยากาศที่ได้รับ

มาต่อกันที่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ซึ่งถือว่าเป็นแลนด์มาร์คสำคัญที่ทุกคนต้องแวะมาสักการะพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ เยี่ยมชมความสวยงามของวัด และวิวทิวทัศน์รอบบริเวณวัด

จุดเด่นของวัดคือการประดับประดาฝาผนังของตัววัดด้วยกระจก กระเบื้อง และถ้วยเบญจรงค์หลากสีสันและลวดลาย โดดเด่นและสวยงามอย่างลงตัว

จุดหมายต่อไปคือทุ่งกังหันลมเขาค้อ อยู่ห่างจากวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วออกไปประมาณ 25 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที

ทุ่งกังหันลมตั้งอยู่บนเนินเขาสูง สามารถขึ้นไปได้สองเส้นทาง ถ้าเปิดจาก Google Map จะแนะนำเส้นทางที่สั้นที่สุดให้ โดยมีป้ายบอกด้านหน้าทางเข้าว่าเป็นทางลัดไปทุ่งกังหันลม แนะนำว่าไม่ควรมาเส้นทางนี้ เพราะทางแคบและถนนขลุขละมาก ควรไปอีกเส้นทางที่ไกลกว่าแต่ทางดีกว่า เพราะเป็นเส้นหลักและลาดยางตลอดสาย

ทุ่งกังหันลมบรรยากาศดีมากๆ เป็นอีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรพลาด

มื้อเย็นพวกเรากลับมาทานกันที่ห้องอาหารของโรงแรม เดอะบลูสกาย รีสอร์ท เขาค้อ

สั่งอาหารที่อยากทานมา 3 อย่าง คือ เห็ดหอมคั่วซีอิ๊วที่รสชาติดีกว่าหน้าตา ต้มยำกุ้งใหญ่น้ำข้นรสจัดจ้านที่สุดในย่านนี้ และเนื้อเซอร์ลอยด์ย่างนุ่มๆ ทานคู่กับข้าวเปล่าร้อนๆ

DAY 3

กลางคืนฝนตกหนัก อากาศเย็นสบาย โดยไม่ต้องเปิดแอร์ หลับสบายมาก ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกสดชื่นมากเป็นพิเศษ ชวนให้นึกถึงเพลงภูมิแพ้กรุงเทพของป้าง นครินทร์

เริ่มต้นมื้อเช้ากันที่ห้องอาหารของโรงแรม วันนี้จัดอาหารเป็นแบบ A La Carte เพราะเป็นวันธรรมดาลูกค้าไม่เยอะ

วันนี้ลองเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งทานในห้องอาหารแบบ Indoor ตกแต่งสไลต์ผู้ดีอังกฤษ ด้วยเฟอร์นิเจอร์หรู บรรยากาศดีมากๆ เหมาะกับการมาจัดงานเลี้ยงในพิธีแต่งงาน

ช่วงเช้าแดดอ่อนๆ แสงกำลังสวย พวกเราจะพาไปเที่ยวชมบรรยากาศของ The Bluesky Garden สวนดอกไม้สไตล์อังกฤษที่ถือว่าเป็นจุดไฮไลท์ของโรงแรมแห่งนี้

สำหรับลูกค้าของโรงแรมสามารถเข้าชมได้ฟรี และเปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าชมได้เช่นกัน โดยเสียค่าเข้าชมคนละ 100 บาทเท่านั้น เด็กสูงไม่เกิน 110 ซม. เข้าชมฟรี เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น.

The Bluesky Garden ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาบนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ออกแบบในธีม The Seasons หรือ สวน 4 ฤดู คือ Summer Spring Autumn และ Winter ภายในตกแต่งด้วยต้นไม้และดอกไม้สีสันสดใสหลากหลายสายพันธุ์

ไม่รู้จะอธิบายความสวยงามของสวนแห่งนี้ยังไงดี ขออธิบายผ่านภาพเหล่านี้แทนล่ะกัน

บรรยากาศทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ The Bluesky Garden ที่พวกเราเอามาฝากให้ชมเป็นตัวอย่าง สถานที่จริงกว้างและมีมุมถ่ายรูปเยอะมาก รับรองว่าได้รูปกลับไปไม่ต่ำกว่าร้อยรูปแน่นอน

นอกจากนี้บุคคลทั่วไปยังสามารถขึ้นมาทานอาหารที่ห้องอาหารของโรงแรมได้ และมีร้านขายของที่ระลึกอยู่บริเวณด้านข้างของห้องอาหารให้ได้มาเลือกซื้อเลือกชม

จุดต่อไปที่จะพาไปชมก็คือ The Secret Garden สวนที่เปิดให้เข้าชมได้เฉพาะลูกค้าของโรงแรมเท่านั้น เพราะเป็นสวนที่อยู่บริเวณโซนห้องพัก

สามารถเดินวนมาจนถึงบริเวณล๊อบบี้ได้

พาเดินวนมาชมบรรยากาศของเส้นทางที่รถกอล์ฟใช้วิ่งรับส่งลูกค้าไปยังห้องพักกันอีกรอบ ก่อนกลับไปเก็บของและเช็คเอาท์

เดอะบลูสกาย รีสอร์ท เขาค้อ เป็นโรงแรมที่สวยที่สุดที่พวกเราเคยพักมา อาจจะเป็นเพราะพวกเราชอบธรรมชาติ เลยเทใจให้กับที่นี่มากเป็นพิเศษ ประทับใจทั้งการบริการ ความสะดวกสบายของห้องพัก และบรรยากาศรอบๆ รู้สึกราวกับว่าได้มาพักผ่อนอยู่ในเมืองเล็กๆแถบประเทศในยุโรปที่สวยงามและเงียบสงบ

จุดหมายสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ คือ Jolly Cafe คาเฟ่สไลต์โรงนากลางทุ่งหญ้า

มีอาหารและเครื่องดื่มให้เลือกหลายเมนู เครื่องดื่มราคาปานกลาง แต่อาหารราคาอาจจะสูงสักหน่อย

ขากลับแวะเติมน้ำมันเต็มถังก่อนคืนรถที่สนามบิน และเดินทางกลับด้วยสายการบิน Thai Lion Air เที่ยวบินที่ SL-557 ออกเวลา 16.10 น. ถึงสนามบินดอนเมืองเวลา 17.10 น.

สรุปรายละเอียดการเดินทาง ดังนี้

DAY 1

1. ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง ด้วยสายการบิน Thai Lion Air เที่ยวบินที่ SL-550 ออกเวลา 08.45 น.

2. แวะทานอาหารและเครื่องดื่มที่ Pino Latte

3. เช็คอินเข้าที่พัก เดอะบลูสกาย รีสอร์ท เขาค้อ

4. พักผ่อนตามอัธยาศัย

5. มื้อเย็น ร้านพันปีบะหมี่เป็ดย่าง

DAY 2

1. มื้อเช้า เดอะบลูสกาย รีสอร์ท เขาค้อ

2. พักผ่อนตามอัธยาศัย

3. แวะทานอาหารและเครื่องดื่มที่ The Piney Bistro Café

4. วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว

5. ทุ่งกังหันลมเขาค้อ

6. มื้อเย็น เดอะบลูสกาย รีสอร์ท เขาค้อ

DAY 3

1. พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มที่ เดอะบลูสกาย รีสอร์ท เขาค้อ

2. แวะทานอาหารและเครื่องดื่มที่ Jolly Cafe

3. เดินทางกลับด้วยสายการบิน Thai Lion Air เที่ยวบินที่ SL-557 ออกเวลา 16.10 น.

*ช่วงเวลาเดินทาง 29 มิ.ย – 1 ก.ค 2562

รายละเอียดค่าใช้จ่าย ดังนี้

1. ค่าตั๋วเครื่องบินสายการบิน Thai Lion Air ไป-กลับ ราคา 1,022 บาท/คน (ราคาโปรโมชั่น)

2. ค่าเช่ารถ Avis Rent A Car : Group D Toyota Altis 1.8 วันละ 1,220 บาท 3 วัน 3,660 บาท (คืนช้าฟรี 4 ชม.) ลูกค้าเก่าสามารถลดเพิ่มได้ 100 บาท/ครั้ง ค่าน้ำมัน 680 บาท

ข้อมูลการติดต่อ

ความคิดเห็นส่วนตัว : การเช่ารถขับ คือ การขับรถที่ไม่คุ้นมือและไม่คุ้นเคยเหมือนกับรถของตัวเอง ไม่รู้ว่าสภาพรถจะเป็นยังไง จะเสียตรงไหนบ้างรึเปล่า คือความกังวลแรกๆที่เราเริ่มเช่ารถขับเที่ยว แต่พอได้ใช้บริการของ AVIS ความกังวลตรงนั้นหมดไป เพราะได้รถใหม่และสถาพดีพร้อมใช้งาน ตั้งแต่ใช้บริการมาเกือบจะ 10 ครั้งแล้ว รถไม่เคยมีปัญหาเลยสักครั้งเดียว AVIS Rent A Car จึงเป็นบริษัทเช่ารถที่เราอยากแนะนำ

3. ค่าที่พัก เดอะบลูสกาย รีสอร์ท เขาค้อ ห้อง Deluxe จำนวน 2 คืน 5,499 บาท (ราคาโปรโมชั่น) สามารถเช็คราคาโปรโมชั่นล่าสุดได้จากช่องทางการติดต่อ ดังนี้

Facebook : www.facebook.com/theblueskyresorts

inbox : http://m.me/theblueskyresorts

Website : www.theblueskyresort.com

Line : https://bit.ly/2Hy1nkg

Tel : 02-2477310 / 02-2477311 ( 9.00 – 18.00 น. )
Mobile : 082-4577801 / 080-0118260

4. ค่าอาหารและอื่นๆ : ตามอัธยาศัย

รวมค่าใช้จ่าย 3 วัน 2 คืน ทั้งหมด 11,883 บาท ตกคนละประมาณ 5,940 บาท

คิ้วหนา & ตากลม 
LOVE IS A JOURNEY | เพราะความรัก คือ การเดินทาง…

ติดตามการเดินทางของพวกเราเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/LoveIsAJourneyThailand


x Close

LIFE IS A JOURNEY