เที่ยวระนอง | พาแฟนไประนอง ลองแล้วจะติดใจ

เที่ยวระนอง | พาแฟนไประนอง ลองแล้วจะติดใจ

“เมืองฝนแปดแดดสี่” ประโยคคุ้นหูที่เป็นคำนิยามของจังหวัดระนอง เมืองที่ได้ชื่อว่ามีฝนตกชุกมากที่สุดในประเทศไทย เมืองที่อยู่ชายฝั่งทะเลอันดามัน เมืองที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนถนนสายหลักของภาคใต้ ทำให้ใครหลายคนมองข้ามและขับเลยผ่านไป เพราะอาจจะยังไม่รู้ว่าจังหวัดนี้มีดีอะไร แต่หากได้ลองมาสัมผัสดูสักครั้งแล้วจะรู้ว่าที่นี่มีดีมากเกินกว่าที่คิดไว้ และอาจจะติดใจเหมือนกันกับเรา “ระนองลองแล้วจะติดใจ”

DAY 1

พวกเราเริ่มต้นออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง ด้วยสายการบิน AirAsia เที่ยวบินที่ FD 3140 ถึงจังหวัดระนองตอนบ่ายโมงตรง ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที

การเดินทางตลอดทั้งทริป พวกเราใช้บริการรถเช่าของ Avis Rent A Car ที่โทรจองเอาไว้ล่วงหน้าแบบชำระเงินภายหลัง เอกสารที่ต้องใช้ตอนรับรถคือ ใบขับขี่ บัตรประชาชน และบัตรเครดิต เพื่อชำระค่าเช่ารถและล็อควงเงินชั่วคราวเป็นค่ามัดจำ

เจ้าหน้าที่ขับรถมารอที่ประตูทางออก พาเดินตรวจสอบความพร้อมของรถและร่องรอยที่เป็นมาก่อนรอบคัน พวกเราใช้บริการเจ้านี้เป็นประจำ เพราะได้รถใหม่ เครื่องยนต์ไม่เคยมีปัญหา อีกหนึ่งจุดเด่นของเจ้านี้คือ จองก่อนจ่ายทีหลัง ถ้าจองแล้วเปลี่ยนแผนก็สามารถโทรไปเลื่อนหรือยกเลิกได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

สนามบินกับตัวเมืองระนองอยู่ห่างกันไม่ไกลมาก มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจตลอดเส้นทาง สามารถแวะเที่ยวได้ตั้งแต่วันแรกเลย ก่อนอื่นขอแวะเติมพลังกันที่ร้านส้มตำภูเขาหญ้า ตั้งอยู่ริมถนนตรงข้ามกับภูเขาหญ้า ซุปหน่อไม้และคอหมูย่างอร่อย ส่วนส้มตำไม่ค่อยถูกปากพวกเราเท่าไหร่

กินเสร็จก็แวะเข้าไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว ทางเข้าอยู่ข้างร้านส้มตำ ตัวน้ำตกหงาวไหลลงมาจากภูเขาสูง สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล แต่ช่วงนี้น้ำน้อย ถ้ามาช่วงหน้าฝนจะอลังการมากๆ

ไหนๆก็มาแล้ว เดินเข้าไปดูน้ำตกใกล้ๆหน่อยละกัน แค่ 500 เมตรเอง

และนี่ก็คือมวลน้ำที่หลงเหลืออยู่ ค่อยๆไหลลงมาเหมือนอย่างกับช้างฉี่

ยังพอมีน้ำให้เหล่าปลาตัวน้อยได้แหวกว่ายไปมา

ตรงข้ามอุทยานคือ ภูเขาหญ้า แต่เห็นแดดช่วงบ่ายแล้วขอข้ามไปก่อนละกัน เดี๋ยวเย็นๆค่อยกลับมาใหม่ จึงไปแวะแช่ตัวที่บ่อน้ำแร่ร้อนพรรั้งกันก่อน อยู่ห่างจากอุทยานเพียงแค่ 7 กิโลเท่านั้นเอง

มีบ่อน้ำแร่ร้อนให้ลงไปนอนแช่ตัวได้เกือบ 10 บ่อ หลายๆบ่อออกแบบได้อย่างสวยงาม นั่งสบาย น้ำใส บรรยากาศร่มรื่น เทียบกับออนเซ็นที่ต่างประเทศได้เลย

ควรแช่รอบละไม่เกิน 15 นาที (ข้อควรปฏิบัติอื่นๆอยู่ที่ป้ายข้างบ่อ) มีจุดล้างตัวและห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ต้องเอาผ้าเช็ดตัวมาเองนะ และแนะนำให้ซื้อน้ำดื่มจากปากทางเข้าติดมาด้วย เพื่อดื่มหลังแช่ตัว ที่นี่ปิด 5 โมงเย็น

พอแดดร่มลมตก พวกเราก็ย้อนกลับไปที่ภูเขาหญ้า สามารถขับรถเข้าไปจอดใกล้ๆได้ มีผู้คนแวะมานั่งเล่นและถ่ายรูปกันอย่างคึกคัก

ดูไปดูมาเราว่าภูเขาหญ้าก็หน้าตาคล้ายกับเนินเขาที่เป็นบ้านของเหล่าเทเลทับบี้อยู่นะ ว่าไหม? จึงจินตนาการไปว่าตัวเองเป็น Laa Laa

และ Tinky-Winky

นั่งดูภูเขาหญ้าสักพักก็เริ่มเบื่อ หันมาเล่นกับน้องหมาที่นี่ดีกว่า เป็นมิตรและน่ารักทุกตัวเลย

จากภูเขาหญ้าขับมุ่งหน้าต่อไปยังที่พักที่มีชื่อว่า The Blue Sky Resort Ranong ตั้งอยู่บนเชิงเขา ริมทะเล ห่างจากตัวเมืองระนองออกไปประมาณ 10 กิโล ใกล้กับท่าเรือที่จะไปทะเลพม่า

มาถึงก็มืดพอดี มื้อเย็นจึงฝากท้องไว้กับห้องอาหารของโรงแรม สั่งกับข้าวมาสองอย่าง คือ ใบเหลียงผัดไข่ และปลากะพงชิ้นทอดน้ำปลา อร่อยทั้งสองอย่าง โดยเฉพาะปลากะพงชิ้นทอดน้ำปลาที่ต้องลอง

ทานเสร็จก็ขนของเข้าห้องพัก ระหว่างทางจู่ๆก็มีน้องหมาตัวน้อยวิ่งตามมาทักทาย และเดินตามไปส่งจนถึงหน้าห้อง

ห้องพักในคืนแรกเป็นแบบ Seaview Deluxe ภายในห้องกว้างมาก ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ โทนสีขาวสบายตา มีเตียงนอนที่นุ่มมากๆอยู่กลางห้อง

มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

ห้องน้ำแบ่งโซนแห้งและเปียกด้วยผ้าม่าน มีฝักบัวให้เลือกทั้งแบบธรรมดาและแบบ Rain Shower

สามารถเปิดหน้าต่างบานเล็กออกไปยังห้องนอนได้ จะได้ไม่เหงาเวลาล้างหน้าแปรงฟัน

DAY 2

วันนี้พวกเรามีนัดกับ SeaStar Ranong บริษัทนำเที่ยวที่จะพาพวกเราไปชมความสวยงามของเกาะอูเบอร์ เอ้ย!!! เกาะบรูเออร์ เกาะที่สวยที่สุดของเกาะตอนใต้แห่งทะเลพม่า ใกล้กับจังหวัดระนอง แบบ One Day Trip โดยมีรถมารับที่โรงแรมไปยังท่าเรือ

การจองทริปสามารถจองตรงได้กับบริษัท SeaStar Ranong ตอนนั้นพวกเราจองกระชันชิดไปหน่อยเลยเต็มซะก่อน แต่พวกเราก็ยังได้ไปวันเดิมตามแผน เพราะเราไปเจอเว็บนี้มา www.mamybooking.com (หม่ามี๊ บุ๊คกิ้ง) เว็บ Agency รับจองทริปดำน้ำและรถเช่าออนไลน์ ที่มีโควต้าเหลืออยู่สำหรับเราสองคนพอดี

การจองก็ง่ายมาก แค่เลือกทริปที่ต้องการ อ่านรายละเอียดโปรแกรมทัวร์ก่อนตัดสินใจ เลือกวันที่จะไป กรอกข้อมูลส่วนตัว และจ่ายเงิน สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และที่สำคัญราคาถูกว่าจองตรงมาก One Day Trip ถ้าจองตรงราคา 3,900 แต่ถ้าจองกับ Mamybooking เหลือเพียงแค่ 3,500 เท่านั้น

พอมาถึงท่าเรือ SeaStar ก็ทำการลงทะเบียน พร้อมกับยื่นบัตรประชาชน เพื่อนำไปออกเอกสารข้ามแดนเข้าออกประเทศไทยและพม่า โดยบริษัททัวร์จะดำเนินการให้ทั้งหมด และไม่เสียค่าใช้จ่ายๆเพิ่มเติม

จากนั้นก็รับอุปกรณ์ดำน้ำและผ้าเช็ดตัว รองท้องด้วยอาหารเช้าที่บริษัททัวร์จัดตรียมไว้ให้แบบจัดเต็ม

และออกเดินทางด้วยเรือสปีดโบ๊ทลำใหญ่นั่งสบาย ไปแวะเกาะสองประเทศพม่า เพื่อทำเรื่องข้ามแดนโดยไม่ต้องขึ้นจากเรือ

ใช้เวลาที่ด่านไม่นาน ก็ออกเดินทางต่อมายังจุดดำน้ำจุดแรกที่เกาะดอกไม้

สำหรับใครที่ว่ายน้ำไม่เป็นหรือไม่แข็งก็สามารถลงไปชมความสวยงามของเหล่าปะการังและปลาน้อยใหญ่ได้ โดยจะมีห่วงยางให้เกาะ พร้อมเจ้าหน้าที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด

จุดนี้ปะการังสมบูรณ์มาก มีฝูงปลาหลากหลายสายพันธ์ุแหวกว่ายไปมารอบตัว

มีปลาการ์ตูนขี้อายซ่อนตัวอยู่ตามดอกไม้ทะเล

ใช้เวลาอยู่ที่จุดแรกประมาณ 1 ชม. ก่อนจะเปลี่ยนแผนขึ้นไปที่เกาะบรูเออร์ก่อน และสลับจุดดำน้ำจุดที่สองไปช่วงบ่าย เพื่อรอให้น้ำลงมากกว่านี้

เกาะบรูเออร์ เป็นเกาะที่เพิ่งเปิดใหม่ใสกิ๊ก เปิดมาได้แค่ 4 เดือนเท่านั้นเอง (เปิดประมาณปลายปี 60) ธรรมชาติทุกอย่างจึงยังสมบูรณ์และสวยงามมาก

จุดเด่นของเกาะคือ ชายหาดคู่ (Twin Beach) ที่ถูกคันกลางด้วยเนินทราย ทอดตัวยาวขนานกัน ผืนทรายละเอียดนุ่ม และน้ำใสมากกกกกก ไปชมบรรยากาศกัน

เป็นอีกหนึ่งเกาะที่ขอแนะนำสำหรับคนที่ชื่นชอบหาดทรายขาวๆ น้ำทะเลใสๆ คนไม่วุ่นวายและเป็นส่วนตัว เหมาะกับการพาแฟนไปเดทในช่วงซัมเมอร์นี้มากๆ

บริเวณเนินทรายตรงกลางมีห้องอาหาร ห้องน้ำ และห้องอาบน้ำให้บริการ

ไลน์อาหารกลางวันเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ มีอาหาร 6 อย่าง พร้อมซุปมิโซะ เด็ดสุดขอยกให้แมงกะพรุนกับน้ำจิ้มซีฟู๊ด

มีบริการที่พักแบบเต็นท์สำหรับทริปแบบ Overnight 2 วัน 1 คืน

บรรยากาศของชายหาดอีกหนึ่งด้าน

มีจุดชมวิวให้ขึ้นไปดูชายหาดทั้งสองได้พร้อมกัน

ใช้เวลาอยู่บนเกาะประมาณ 2 ชม. ก็ออกเดินทางต่อไปยังจุดดำน้ำจุดที่ 2 บริเวณตอนใต้ของเกาะบรูเออร์

จุดนี้หนาแน่นไปด้วยปะการังเขากวางและปะการังผักกาดที่มีสภาพสมบูรณ์มาก

และจุดดำน้ำจุดสุดท้ายบริเวณเกาะย่านเชือก

จุดดำน้ำทั้ง 3 จุดสวยงามและสมบูรณ์มาก เหล่าปลาน้อยใหญ่สีสันสวยงาม มีปลาการ์ตูนให้พบเจอทั้ง 3 จุด คุ้มค่ามากๆ เครดิตภาพใต้ทะเล : SeaStar Ranong Staff

เรือพากลับมายังท่าเรือ SeaStar ได้อย่างปลอดภัย พร้อมบริการอาหารว่าง และขับรถกลับมาส่งที่โรงแรม

พระอาทิตย์ค่อยๆลาลับขอบฟ้าไปด้านหลังของเทือกเขาฝั่งเกาะสอง ประเทศพม่า

คืนที่สองพวกเราย้ายนอนที่บ้านพักแบบ Family มี 2 ชั้น 2 ห้องนอน ตั้งอยู่บนเนินเขา

ภายในห้องกว้างมาก ใช้โทนสีขาว รู้สึกผ่อนคลายและสบายตา

สามารถมองออกไปเห็นวิวทะเลและภูเขาฝั่งประเทศพม่า โดยมีระเบียงด้านนอกให้นั่งเล่นชมวิว

มีเตียงและหมอนนุ่มๆ หลับสบาย

บริเวณตรงกลางของรีสอร์ทมีสระว่ายน้ำแบบ Infinity Pool ขนาดใหญ่หันหน้าออกทะเล

บรรยากาศตอนพระอาทิตย์กำลังจะตกดินโรแมนติกมากๆ

ข้างสระว่ายน้ำมีทางเดินลงไปริมทะเล โดยมีสะพานไม้ทอดตัวยาวออกไปในทะเล

ปลายสุดของสะพานเป็นจุดนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน

มื้อเย็นพวกเราตั้งใจจะออกไปหาอะไรทานข้างนอก แต่ยังไม่ค่อยหิวเลยไปแวะแช่น้ำพุร้อนกันก่อน ที่บ่อน้ำพุร้อนสวนสาธารณะรักษะวาริน ซึ่งอยู่ใกล้กับตัวเมืองระนอง เป็นบ่อที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีอยู่ 3 บ่อ คือ บ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูกสาว น้ำพุร้อนแห่งนี้ได้รับการวิเคราะห์จากกรมวิทยาศาสตร์บริการว่าประกอบด้วยแร่ธาตุที่สำคัญ และเป็นแหล่งเดียวในประเทศไทยที่บริสุทธิ์และไม่มีสารกำมะถันเจือปนอยู่เลย สามารถดื่มได้โดยไม่ต้องผ่านการกลั่นกรองใดๆ จึงมักจะเห็นชาวบ้านนำถังมากรอกน้ำกลับไป

ด้านข้างของบ่อน้ำพุร้อน มีบ่อให้สามารถนั่งแช่เท้าได้ และเปิดถึง 3 ทุ่ม บรรยากาศจึงค่อนข้างคึกคัก

นอกจากแช่เท้าก็มีบริการอาบน้ำแร่แช่ตัวด้วย คนละ 40 บาท ปิด 3 ทุ่ม แต่เปิดให้เข้าถึงแค่ 2 ทุ่มครึ่ง และเริ่มระบายน้ำทิ้ง พวกเรามาช้าไปหน่อยเลยอดแช่ ช่วงกลางวันน่าจะวิวสวย เพราะด้านข้างบ่อเป็นลำธาร

นอกจากนี้ยังมีลานสุขภาพ ที่บริเวณใต้พื้นของลานปูนเป็นทางที่มีน้ำพุร้อนไหนผ่านตลอดเวลา ทำให้ความร้อนแพร่กระจายไปทั่วทั้งลานปูนในอุณหภูมิที่พอเหมาะและเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

จึงมีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวพกหมอนและผ้าปูพื้นมานอนเรียงรายให้เลือดลมสูบฉีดเพื่อผ่อนคลาย

พอเริ่มหิวก็ออกมากินข้าวที่ร้านสมบูรณ์โภชนา อยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องกับปากทางเข้าบ่อน้ำพุร้อน

เมนูที่อยากแนะนำให้ลองคือ ยำสาหร่ายพวงองุ่น และหอยนางรม ตัวละ 80 บาท ตัวใหญ่และสดมากๆ

DAY 3

เริ่มต้นวันสุดท้ายด้วยอาหารเช้าของโรงแรมแบบ A La Carte มีเมนูให้เลือกทั้งแบบฝรั่งและไทย

เมนูที่แนะนำคือ ข้าวต้มกุ้งเกาะพยาม กุ้งตัวโตเนื้อแน่น ข้าวต้มรสชาติเข้มข้น แทบไม่ต้องปรุงอะไรเลย

ทานเสร็จจึงลงมาเดินเล่นที่สะพานไม้ริมทะเลอีกรอบ

แดดค่อนข้างแรง แต่ลมพัดเย็นสบาย

มีน้องหมามานอนเฝ้า

บรรยากาศภายในรีสอร์ทร่มรื่น เงียบสงบ และเป็นส่วนตัวมากๆ เหมาะแก่การมาพักผ่อนอย่างแท้จริง

ด้านซ้ายเป็นบ้านพักแบบ Family ส่วนด้านขวามือเป็นแบบ Seaview Suite และ Seaview Deluxe

ทางเดินหน้าห้องพักแบบ Seaview Deluxe ที่พวกเราพักกันในคืนแรก

บ้านพักแบบ Family จำนวน 2 ชั้น สามารถเข้าพักได้สูงสุด 6 ท่าน (เตียงเสริม 2 ท่าน) เหมาะกับคนที่มาเป็นครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนมากๆ

บรรยากาศภายในห้องพัก ชั้น 2

หลังจากเช็คเอาท์ พวกเราตั้งใจจะไปกินข้าวกลางวันที่ร้านโรตีนิสรา ตำบลหงาว ทางไปสนามบิน ที่มีขายทั้งไก่ทอดและโรตีขึ้นชื่อ แต่พอไปถึงทุกอย่างหมดพอดี ลูกค้าแน่นร้านเลย

จึงมาแวะซื้อจากร้านโรตีนิสราที่เป็นรถเข็นบริเวณหน้าตลาดเทศบาลแทน

แป้งโรตีกรอบและนุ่ม หวานกำลังดี

ข้างๆกันมีร้านขายไก่ทอด หมักและชุปด้วยแป้งสูตรพิเศษ โดยฝีมือของคุณยาย

ทอดเสร็จสีออกจะเข้มๆหน่อย อร่อยมาก กินคู่กับข้าวเหนียวร้อนๆ ฟินสุดๆ

ปิดท้ายทริปนี้ด้วยการมานั่งจิบกาแฟเย็นๆที่ ร้านวัชรี Coffee Garden ใกล้กับวัดบ้านหงาว

มีที่นั่งให้เลือกทั้งแบบห้องแอร์ และชิงช้าในสวน

กาแฟรสชาติดี โกโก้เข้มข้น บรรยากาศร่มรื่น

มีน้องนกน่ารักสองตัว

และเจ้าแมวขี้อ้อนที่ชอบเอาตัวมาถูไถกับขา

ทั้งหมดนี้คือ ระนอง แถมด้วยทะเลพม่า ตลอดระยะเวลา 3 วัน 2 คืนของพวกเรา อาจจะมีสถานที่ท่องเที่ยวไม่ครบถ้วน เพราะเวลาที่มีจำกัดและไม่อยากให้แน่นจนเกินไป เน้นเที่ยวแบบสบายๆ เน้นพักผ่อน ปรับเปลี่ยนแผนตามใจและสถานการณ์ แต่ก็ไม่พลาดสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ บางที่อยากจะอยู่ให้นานกว่านี้ หลายๆที่ดีจนอยากกลับไปใหม่ “ระนองลองแล้วจะติดใจ”

สรุปรายละเอียดการเดินทาง ดังนี้

DAY 1

1. ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง ด้วยสายการบิน AirAsia มีวันละ 1 เที่ยวบิน ดังนี้

– เที่ยวไปเวลา 11.40 – 13.05 น. (ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง 25 นาที)
– เที่ยวกลับเวลา 13.35 – 15.05 น. (ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที)

2. มื้อเที่ยง ร้านส้มตำภูเขาหญ้า

3. ชมน้ำตกหงาว อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว

4. แช่น้ำแร่ร้อน บ่อน้ำแร่ร้อนพรรั้ง

5. ชมวิวภูเขาหญ้า

DAY 2

1. One Day Trip เกาะบรูเออร์ ประเทศพม่า

2. แช่น้ำพุร้อน สวนสาธารณะรักษะวาริน

3. มื้อค่ำ ร้านสมบูรณ์โภชนา

DAY 3

1. พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มที่ The Blue Sky Resort Ranong

2. แวะชิมโรตีนิสรา และไก่ทอดสูตรพิเศษ หน้าตลาดเทศบาลตำบลหงาว

3. จิบกาแฟเย็นๆ ร้านวัชรี Coffee Garden

4. เดินทางกลับด้วยสายการบิน AirAsia

รายละเอียดค่าใช้จ่าย ดังนี้

1. ค่าเครื่องบินสายการบิน AirAsia ราคา 3,350 บาท/คน

– จองผ่าน Traveloka (เว็บเอเจนซี่จองที่พักและตั๋วเครื่องบิน) ลดเพิ่มอีก 7% สูงสุด 150 บาท (แล้วแต่โปรโมชั่นในช่วงเวลานั้นๆ) อีกหนึ่งจุดเด่น คือ สามารถชำระเงินได้หลายช่องทาง เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีบัตรเครดิต

– ข้อมูลการติดต่อ Website : https://www.traveloka.com/th-th

2. ค่าเช่ารถ Avis Rent A Car วันละ 840 บาท 2 วัน 1,680 บาท (คืนช้าฟรี 4 ชม.)

– ลูกค้าเก่าสามารถลดเพิ่มได้ 100 บาท/ครั้ง

– ข้อมูลการติดต่อ Website : www.avisthailand.com

3. ค่าที่พัก The Blue Sky Resort Ranong 2 คืน (ราคาโปรโมชั่นถึงวันที่ 31 มี.ค 61)

– คืนแรกห้อง Seaview Deluxe 2,499 บาท/คืน

– คืนที่สองห้อง Family 5,499 บาท/คืน

– ข้อมูลการติดต่อ Website : https://www.theblueskyresort.com

4. ค่าทัวร์เกาะบรูเออร์ ประเทศพม่า แบบ One Day Trip

– จองตรงกับ SeaStar Ranong 3,900 บาท/คน

– จองผ่าน www.mamybooking.com เหลือเพียง 3,500 บาท/คน

5. ค่าอาหารและอื่นๆ : ตามอัธยาศัย

รวมค่าใช้จ่าย 3 วัน 2 คืน ทั้งหมด 23,378 บาท ตกคนละ 11,689 บาท

คิ้วหนา & ตากลม
Love is a journey | เพราะความรัก คือ การเดินทาง…

ติดตามการเดินทางของพวกเราเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/LoveIsAJourneyThailand

x Close

LIFE IS A JOURNEY