3 ร้านอาหารแนะนำใน สิงคโปร์ ที่ห้ามพลาด

3 ร้านอาหารแนะนำใน สิงคโปร์ ที่ห้ามพลาด

สิงคโปร์ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยม เหมาะสำหรับนักเดินทางมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มออกเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรก เพราะสิงคโปร์อยู่ไม่ไกลจากไทยมาก ใช้เวลาเดินทางโดยเครื่องบินเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น มีสถานที่ท่องเที่ยวให้เลือกมากมาย เดินทางง่ายเพราะมีรถไฟฟ้าครอบครุมทุกพื้นที่ท่องเที่ยว แถมมีของกินอร่อยๆเยอะมาก

วันนี้พวกเราจึงอยากพาไปรู้จักกับร้านอาหารที่ห้ามพลาด ซึ่งคัดมาให้แบบเน้นๆทั้งหมด 3 ร้าน เป็นร้านที่แนะนำโดยเพื่อนชาวสิงคโปร์ และมีรางวัลการันตีความอร่อยที่บอกได้เลยว่าถูกปากทุกชาติ ทุกเพศ และทุกวัยอย่างแน่นอน ตามมาๆ

1. Legendary Bak Kut Teh

ร้านแรกคือร้าน Legendary Bak Kut Teh by Founder’s second generation สาขาถนน Rangoon อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Farrer Park ประมาณ 550 เมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 7 นาที

ตัวร้านตั้งอยู่บริเวณหัวมุมถนน ถ้าเดินมาจากรถไฟใต้ดินจะอยู่ทางด้านขวามือ

ภายในร้านมีให้นั่งทั้งแบบ Indoor และ Outdoor ผนังด้านในของร้านตกแต่งด้วยรูปภาพของเหล่าดาราและคนดังของสิงคโปร์และต่างประเทศที่เคยแวะเวียนมาลิ้มลองอาหารที่ร้านนี้

ร้านเปิดตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 5 ทุ่ม ปิดทุกวันพุธ ช่วงเช้าลูกค้าจะเยอะมาก แต่ก็นั่งกันไม่นาน ทานเสร็จก็ทยอยออกไป จึงรอคิวไม่นาน

อาหารมีใครเลือกมากมาย ราคาอยู่ที่ประมาณ 4$ – 15$ ดอลลาร์สิงค์โปร์ (1$ ประมาณ 24 บาท)

สำหรับเมนูขึ้นชื่อของร้านก็คือ Bak Ket Teh น้ำชุปสูตรพิเศษ รสชาติเข้มข้น เน้นพริกไทย พร้อมด้วยกระดูกซี่โครงหมูต้มจนเปื่อยนุ่ม ทานคู่กับข้าวสวยและปลาท่องโก๋ชิ้นโต

สามารถขอเติมน้ำซุปได้ไม่อั้น

นอกจากนั้นยังมีไส้หมูผัดชีอิ๋ว ขาหมูพะโล้ และซุปไตหมู ทานแก้มด้วยถั่วลิสงต้มและผักกาดขาวดอง

และอีกหนึ่งไฮไลด์ก็คือ Traditional Gong Fu Tea การชงชาแบบกังฟูหรือภาษาจีนเรียกว่า กงฟูฉา เป็นวัฒนธรรมการชงชาแบบดั้งเดิมของชาวจีนที่ต้องใช้ความพิถีพิถันและความอุตสาหะพยายาม จึงเป็นที่มาของความหมายของคำว่า ชากังฟู

โดยทางร้านจะนำชุดชงชามาให้ซึ่งประกอบด้วยหม้อต้มชา น้ำร้อน แก้ว และผงชา จากนั้นก็เพียงแค่นำผงชาในห่อเท่ลงไปในหม้อแล้วรอสักครู่ก็เสร็จขั้นตอน อันนี้เป็นเพียงวิธีการชงแบบธรรมดา แต่ถ้าชงแบบกังฟูจริงๆจะมีขั้นตอนที่มากกว่านี้ เช่น การควบคุมอุณหภูมิของน้ำที่ใช้ เพื่อให้ชามีรสชาติดีและมีกลิ่นหอมมากที่สุด

สำหรับใครที่ติดใจรสชาติ Bak Kut Teh ของร้านนี้ก็สามารถซื้อแบบกล่องสำเร็จรูปกลับไปทำเองได้ง่ายๆที่บ้าน เพียงแค่ต้มน้ำร้อน ใส่ผงซุป และใส่กระดูกซี่โคร่งหมูลงไปแล้วต้มจนเปื่อย สามารถเก็บไว้ได้นานประมาณ 2 ปี

2. Paradise Dynasty

ร้าน Paradise Dynasty ตั้งอยู่ที่ชั้น 4 ของห้าง ION Orchard ย่านช๊อปปิ้งชื่อดังของสิงคโปร์ โดยสามารถนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาลงที่สถานี Orchard เมื่อออกจากประตูแล้วสามารถเดินเข้ามาในห้างได้เลยทันที

เพื่อนบอกว่าร้านนี้ดังมากๆในหมู่คนสิงคโปร์ บริเวณหน้าร้านมีคนมายืนรอต่อคิวเยอะมาก แต่เพื่อของอร่อยต้องรอหน่อยนะ

ภายในร้านตกแต่งได้หรูหราอลังการมาก ด้านบนเพดานเป็นโคมไฟลายมังกรขนาดใหญ่

เริ่มต้นด้วยข้าวผัดเซียงไฮ้

หมูสไลด์ราดซอดกระเทียม ยำเห็ดหูหนู และหมั่นโถวทอดจิ้มกับนมข้นหวาน

และไก่ทอดแบบจีนจิ้มกับมายองเนส (ถ้าจำไม่ผิด)

และก็มาถึงไฮไลด์ของร้าน นั่นก็คือ The Signature Dinasty Xiao Long Bao ที่มีด้วยกันทั้งหมด 8 รสชาติ ได้แก่ Original, Ginseng (โสม), Foie Gras (ตับห่าน), Black Truffle (เห็ดทรัฟเฟิล), Chessy (ชีส), Crab Roe (ไข่ปู), Garlic (กระเทียม) และ Szechuan (รสเสฉวน) โดยให้กินเรียงตามลำดับตามคำแนะนำในกระดาษ เพื่อรสชาติที่ยอดเยี่ยม อันที่เราชอบมากที่สุดคือตับห่าน รสชาติเข้มข้นและกลมกล่อมมาก

ส่วนวิธีการกินนั้นให้คีบ Xiao Long Bao มาวางไว้บนช้อน จากนั้นก็ยกขึ้นมากัดจุกด้านบนออกเล็กน้อย พร้อมกับซดน้ำที่อยู่ด้านในเพื่อสัมผัสกับรสชาติที่แท้จริงของแต่ละแบบ ก่อนจะตักจิ๊กโฉ่วผสมขิงซอยมาเทลงไปด้านในเล็กน้อย แล้วนำเข้าปากจนหมดหรือค่อยๆกัดทีละนิดก็ได้เช่นกัน

หากติดใจรสชาติใดรสชาติหนึ่งเป็นพิเศษก็สามารถสั่งเฉพาะรสชาตินั้นอย่างเดียวได้

ปิดท้ายด้วยของหวานอย่างแพนเค้กทอดสอดไส้ถั่วแดง

สำหรับราคาอาหารก็ถือว่าไม่แพงมาก แพงสุดจะเป็น Xiao Long Bao รสตับห่านล้วน 10 ชิ้น ราคา 24.5$ หรือประมาณ 600 บาท

3. Copper Chimney

ร้านสุดท้ายเป็นร้านอาหารอินเดียในย่าน Little India อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ตินสถานี Farrer Park เพียงแค่ 300 เมตร

ตัวร้านอยู่ตรงข้ามกับ Mustafa ห้างสรรพสินค้าชื่อดังในย่านนี้ ห้างที่มีของตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบให้เลือกซื้อกลับไปเป็นของฝากได้

ร้านนี้ได้รับคัดเลือกให้เป็น Top 100 Singapore Excellence Award ปี 2012 และ 2013

บรรยากาศภายในร้านดูโล่ง โปร่ง และสะอาดมาก ต่างกับที่คิดไว้เยอะ

อาหารมีให้เลือกเยอะมาก แต่พวกเรายังไม่เคยทานอาหารอินเดียมาก่อน เลยอาศัยเลือกจากรูปที่โชว์อยู่บนเมนู รูปไหนดูน่ากินก็สั่งทันที บางเมนูจะมีให้เลือกระดับความเผ็ดด้วยนะ

และทั้งหมดนี้คืออาหารที่พวกเราสั่งมา ประกอบด้วยแผ่นแป้ง Plain Kuicha ทานคู่กับข้าวผัด Dum Biryani ราดด้วยซอสสีขาวรสชาติเหมือนโยเกิร์ต และน้ำแกงสีเหลือง ส่วนที่เด็ดสุดก็คือ Chilli Chicken (Dry) ผัดพริกไก่แบบแห้ง พริกแกงที่ไม่เผ็ดจนเกินไปกับเนื้อไก่นุ่มๆ เข้ากันได้ดีมากจนอยากสั่งเพิ่ม

สำหรับมื้อนี้หมดไป 31.20$ สิงคโปร์หรือประมาณ 740 บาท

หากมีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวประเทศสิงคโปร์ก็อย่าลืมเอาทั้ง 3 ร้านนี้ไปใส่ไว้ในแผนการเดินทางด้วยล่ะ จะได้ไม่พลาดของอร่อย ส่วนใครที่อยากไปแต่ยังไม่รู้ว่าจะไปเมื่อไหร่ดีหรือยังไม่มีตั๋วเครื่องบินไปสิงคโปร์ สามารถเข้าไปเช็ควันเดินทางและราคาตั๋วเครื่องบินได้จากลิ้งนี้เลย https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Singapore.SIN/1  รับรองว่าจะต้องได้ตั๋วเครื่องบินราคาถูกกว่าที่อื่น และมีเงินเหลือไปกินของอร่อยๆที่สิงคโปร์อย่างแน่นอน

x Close

LIFE IS A JOURNEY